วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

สร้างคนด้วยมหาลัยปราชญ์มะม่วง แก้ปัญหาวิกฤติการเมืองถาวร

 ก่อนเริ่มเข้าเทศกาลสงกรานต์ และ ผมจะหยุดปิดอัพเดทบล็อกยาว
วันนี้มีโปรแกรมสัญจรเดินทางไปบ้านนอก ที่อำเภอเขื่องใน..

นัดเพื่อนให้รถยนต์รับ ที่บ้าน แต่ไม่มารับ ...จึงใช้เวลาอัพเดทบล็อกเพิ่มเติม ปกติใช้อินเตอร์เน็ตฟรี ที่ตึกสุนีย์ แต่ไม่รู้เป็นไร วันนี้ห้องศูนย์อินเตอร์เน็ตปิด.....เคยเดินทางด้วยจักรยานแก่นหล่อน ประจำ แต่ เกิดเอ็กซิเด็น ยางแตก! ผมยิ่งไม่ค่อยมีเงินติดตัวเลย...

  เลยเดินไปเดินมา เกิด เซ็งเป็ด... ทั้งวัน ไปใช้ฟรีอินเตอร์ปิดบริการ ให้บริการ เลย.. ต้องจ่ายเงิน อัพเดท บล็อก ที่ร้านอินเตอร์เน็ต แก้เซ็ง...ไปเบิกเงินbank เหลือน้อยลงทุกที ไม่ค่อยมีรายได้สนับสนุนเลย....

  วันนี้ อยากเริ่มด้วยเรื่องแนวคิดมะม่วง เคยเขียนเรื่อง         นายกฯมาร์ค นายกฯมะม่วงบ่มแก๊ส อดีตนายกฯสมัคร   สุนทรเวช ผู้ล่วงลับ วิจารย์  เรื่อยมากระทั่งผมได้ข่าว นายกฯมาร์ค จะสร้างคนมะม่วงรุ่นใหม่ ของพรรคประชาธิปปัตย์ ซึ่งกลัวว่าจะเป็น คนมะม่วงบ่มแก๊ส รุ่นใหม่ของพรรค  ซึ่ง เป็นเรื่องไม่ดี...

  เพราะ มะม่วงที่ได้ผลสุกตามธรรมชาติ น่าจะดีกว่ามะม่วงบ่มแก๊ส
มะม่วงยังดิบ แต่นำมาบ่มแก๊ส บริโภคก่อนกำหนด รสชาติความหอมหวานคงไม่อร่อยเท่าที่ควร....

  พอผม มานึกถึง เรื่องการสร้างคนเพื่อออกรับใช้สังคมประชาธิปไตย จึงต้อง สร้างคนให้ดี เพราะสถาบันการศึกษาสร้างคนนั้นมีหลายจุดประสงค์  หากได้คนที่ไม่สุกพร้อมแท้จริง เหมือน ผลมะม่วง นั้น มีผลมีปัญหากับสังคม.....

  จึงคิดหาแนวคิด สร้างคนด้วยมหาลัยปราชญ์มะม่วง แก้วิฤติการเมืองถาวร  ซึ่งต้อง สร้างคนอย่างมีขั้นตอน เพราะปัจุปันนี้ มหาวิทยาลัย สร้างคน
ตามหลักทุนนิยม และ สร้างคนผิดทางมาโดยตลอด ทำให้เกิดปัญหา แม้กระทั่ง ได้ยินข่าว บัณฑิตจบ ด็อกเตอร์เป็นโจร ถูกตำรวจจับทุจริต จะเห็นว่า จบการศึกษาสูง แต่คุณธรรม รักตัวกลัวบาปไม่มี จึงเกิดปัญหาตามมา และ ยังมีข่าวสนับสนุนเงินการศึกษาอีก ยิ่งทำให้สนับสนุนคนผิดทางมากขึ้น...

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

ชวนคนไทยปฎิธรรม...หยุดสงครามกิเลส

ส่วนมาก คนไทยที่บริโภค ข้อมูล ข่าวสาร ทั้งการอ่าน จากหน้าหนังสือพิมพ์ คอการเมือง มักจะได้ยิน คำว่า  ปฎิวัติ...ซึ่งส่วนมากเป็นหน้าที่ ฝ่ายทหาร แต่วันนี้ ผมอยากเชิญชวน คนไทย ปฎิธรรม...หยุดสงครามกิเลส....


  เพราะผมเอง เคยศึกษาพระธรรม ทางพระพุทธศาสนา มาก่อน เปลี่ยนจาก เชิญคนไทย ปฎิธรรม เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ด้วย มือ ของคนไทยทุกคน....ปัญหาทุกปัญหา เกิดจากกิเลส ความโลภอยาก ความโกรธ และ ความหลง....ซึ่งเป็นสาเหตุบาปกรรม อกุศลอันเป็นเครื่องเศร้าหมอง ซึ่งคนไทยเมื่อยังไม่เคยบวชพระ ปฎิบัติธรรม  อย่างต่อเนื่องก้อไม่สามารถเห็นธรรม เห็นทุกข์ เห็นภัย ที่เป็นศัตรูท่ามกลางสมรภูมิรบ สงครามกิเลส ชีวิต ของคนไทยทุกๆคน     และยากที่จะ ที่จะดับไฟสงครามกิเลส....ถ้าไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ ไม่มีในตำรา หนังสือ  อย่าไปเหมาว่า จะไม่มี...

   แต่สิ่งสำคัญ คนไทยทุกคน ต้องศึกษาทางพระพุทธศาสนา ทั้งปริยัติ  ปฎิบัติ และ ปฎิเวธ  ผมเองก็เตรียมตัวบวช ศึกษาไตรสิกขา อย่างจริงจัง  มีคนไทยไม่น้อย ที่ยังไม่เคยบวชพระ ศึกษา ปฎิยัติ ปฎิบัติ และ ปฎิเวธ อย่างจริงจัง...
 
  วัด สำนักเรียน ทางพระพุทธศาสนา มีอยู่จำนวนมาก ทั่วประเทศไทย เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา ของโลก วัดบางแห่ง ก่อนบวช เจ้าอาวาสบางวัด ให้ บวชผ้าขาวก่อน เพื่อ เตรียมกาย เตรียมใจ ถือว่าได้ เป็นการบวชกาย บวชวาจา บวชใจ เป็นพระแต่เนิ่นๆ
ปฎิบัติ กาย วาจา ใจ ด้วย ศีล5และศีล8  เจ้าอาวาสบางวัด ก็ให้บวชเลย ไม่ได้ใช้เวลาการเตรียมการมากนัก ....

   การที่ผู้ชายได้บวชพระ ถือคติว่า เป็นการเปรียบ เหมือนผลมะม่วงที่ยังดิบ   เมื่อบวชพระแล้วเปรียบเหมือนผลมะม่วงที่สุก ใช้ระยะสุกงอม ไปตามปัจจัยธรรมชาติกาลเวลา และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งการให้น้ำ พรวนดิน ให้ปุ๋ย เพื่อให้ผลมะม่วงสุกงอมแท้ดีอย่างเต็มที่.....

  ส่วนกิเลส เปรียบเหมือน แมลงศัตรูพืช อาจจะพ่นไฟ ใช้ปากเจาะ ปากแทง ชอนไช อยากกิน อยากแทะ ผลมะม่วงก่อนที่จะสุกงอม ให้ผลไหม้ หรือมีหนอน ทำลาย ทำให้ผลอาจจะร่วงหล่น ตกจากต้นไม้ ก่อนวัยอันควร...

  ส่วนผู้หญิง ก็ปฎิบัติธรรม ได้ เช่นเดียวกัน เหมือนผู้ชาย แต่ยุคนี้ พุทธศาสนาประเทสไทย  ยังไม่อนุญาติ ให้ผู้หญิง บวชภิกษุณีได้ แต่ อนุญาติเพียง บวชได้เพียง แม่ชี ปฎิบัติศีล 8 แต่ถ้าปฎิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็สามารถบรรลุอรหันตมรรค อรหันตผลได้ เพราะมีหลักฐานในพระไตรปิฎก....ซึ่ง เป็นเรื่องดี ที่ วงการเมือง ต้องการให้ผู้หญิงมีเปอร์เซนต์ที่นั่งในรัฐสภามากขึ้น...

    จึงนับว่า ถ้าวงการเมือง รัฐสภา มีผู้หญิง ผู้ชาย ปฎิบัติธรรม และ บรรลุธรรม มรรคผล กันมากขึ้น  มาทำงานหน้าที่ในรัฐสภา ก็จะทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง เจริญ ขจัดปัญหาเก่าๆให้หายไปได้  โดยเฉพาะสามารถหยุดสงคราม ไฟกิเลส บาปอกุศล ที่เป็นอุปสรรคต่อ การบรรลุธรรม เบื้องต่ำ และ เบื้องสูงๆขึ้นไปได้ ผมจึงขอความร่วมมือ คนไทยปฎิรรม หยุดสงครามกิเลส เพราะ ไฟอยากโลภ ไฟ โกรธ และ ไฟ หลง    เกิดขึ้นเกือบทุกเวลา ต้องดับไฟกิเลส ให้ได้...คนดีเข้าสภา..มากๆ

 

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

ดับไฟประเทศไทย...เปลี่ยนแปลงประเทศไทยด้วยธรรมะ


ดับไฟประเทศไทย ด้วยธรรมะ 

มัวแต่เล่นการเมืองไม่มีหลักการ     เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตนเอง
รวมทั้งเมื่อคนไทยทั้งประเทศไร้ธรรม ก็จะกลายเป็นไฟเผาไม้ทั้งประเทศ
ไร้ความสุขเย็น ที่ทุกคนปรารถนา.....

 หลักการ การเมืองประชาธิปไตย ต้องฟังเสียงประชาชนที่เป็นธรรม  แม้เป็นเพียงเสียงส่วนน้อย
ในเมื่อ ประชาชนกลุ่มหนึ่ง เรียกร้อง ให้ vote no ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง.....

   ให้นายกฯยุบสภา หรือ ลาออกให้เร็วที่สุด   ถ้าปล่อยเวลาเนิ่นนานออกไป ทำให้ไฟเผาร้อน หาทางดับไฟให้เร็วที่สุด เพราะที่อยากมีอำนาจ นั้น มาโดยไม่ชอบธรรม ไปเป็นโจร ปล้นเขามา ทำบาปเป็นไฟ

   ได้อำนาจมา ก็ได้มาด้วยอำนาจกิเลส อยากเป็น อยากดัง  อยากมีอำนาจ วาสนา เป็น กิเลสทั้งสิ้น
หยุดสร้างอำนาจที่ไม่เป็นธรรม  หยุดเล่นการเมือง เว้นวรรค ไปซัก 10-20ปี เพื่อเปปลี่ยนแปลงประเทสไทย ให้คนดีที่แท้จริง ได้ ปกครองเป็นผู้จัดการบริหารประเทศชาติบ้าน เมือง...

   การที่ปฎิวัติ    นั้น  ทหารออกมาแก้ข่าว....ไม่ใช่ทหาร ยุคนี้ องค์การเมืองภาคประชาชน  ปฎิวัติแทน

การเมืองภาคประชาชนปฎิวัติ ที่เขาด่าทหารตำรวจ เขาไม่ได้ว่า  เขาว่า กิเลสทหาร ตำรวจ ต่างหาก...

  หากพลเมืองประเทศไทย  ฝึกตน ลดละกิเลส ไม่มีความอยากโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความหลง โดยเพาะระดับผู้นำผู้ที่มีบารมี และ ประชาชน ทั้งประเทศ ฝึกกละวางตัวตนไม่มีกิเลส ได้ จักเป็นผลดี เป็นบุญบุญกุศลมหาศาลแก่ประเทศไทย....

   คนไทยทุกคนช่วยกัน   เปลี่ยนแปลงประเทศไทย นักการเมืองก็ต้องเปลี่ยน เสียสละ กันมากขึ้น ไม่หาเรื่องทะเลาะกัน แต่ยอมรับกัน  ฟังกัน  อย่างมีเหตุมีผล.....เพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ และสันติที่สุด...

ชาวเฟซบุ๊กปลุกกระแส "Vote No" ล้างบางนักการเมืองโกง-ขายชาติ

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

ทหารไม่ปฎิวัติ สู่ ชวนคนไทยปฎิธรรม เปลี่ยนแปลงประเทศไทย สู่ความถูกต้อง ชอบธรรม

ฎิวัติประเทศไทย คนไทยทุกคน ช่วยกันปฎิวัติ เมื่อพูดถึงเรื่องปฎิวัติ มักคิดว่าเป็นเรื่องของทหาร และ เป็นสิ่งน่ากลัว และ มีเหตุการณ์ทางการเมืองประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ตามมา....แต่เรื่องปฎิวัติ ไม่ใช่เรื่องของทหาร ที่ทำการปฎิวัติเสมอไป เป็นเรื่องของคนไทยทุกคน เพื่อทำให้ประเทศไทยดีขึ้นพัฒนาขึ้น...

   เพราะปัจจุปัน องค์กรประชาธิปไตยภาคประชาช นหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายเสื้อเหลือง เสื้อแดงเสื้อดำ เสื้อเขียว เป็นต้น  ส่วนประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ มีอย่างเช่น การปฎิวัติวัฒนธรรมของประชาชนจีนที่สร้างระบบการเมืองการปกครอง มีระบบแข็งแรง สู่การพัฒนาประเทศชาติอย่างมั่นคงก้าวหน้าแก้ไขปัญหาของประเทศดีขึ้นเรื่อยๆๆๆ

 แต่ทางฝ่ายนักวิชาการการเมือง ฟันธงว่า ประชาธิปไตย เป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุด มีสีสันที่สุด ก็สุดแล้วแต่อ้างกันไป แต่คิดว่ามีทั้งข้อดีข้อเสีย หรืออาจจะดีทั้งคู่และมักพบปัญหาบ่อยๆ ปัญหาเกิดที่ระบบ และระบุว่าบางครั้งสาเหตุเกิดจากคน มากกว่า เพราะตัวระบบแข็งแรง รัดกุมอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นที่คนไปใช้ ไม่ทำตามระบบ บางครั้งละเมิดกฏ กติกา ละเมิดกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และ อาญาแผ่นดิน...


  เกิดปัญหาการเมือง ซ้ำๆซากๆ น่าเบื่อ ...อย่างระบบรัฐสภาการเมืองไทย...ส่วนหนึ่งโทษว่า ไม่ได้คนดีมีคุณธรรมที่แข็งแรงพอ ..ทหารทำการปฎิวัติหลายครั้ง ปฎิรูปหลายครั้ง เรื่อยมาตั้งแต่เปลี่ยนการปกครอง พศ 2475 และ พระเจ้าแผ่นดิน รัชกาล ที่7 พระราชทานการปกครองให้ประชาชนแบบประชาธิปไตย ไม่ทรงให้อำนาจแก่ผู้หนึ่งผู้ใดคณะใด มีสิทธิ์เพียงผู้เดียว..


  โดยไม่ฟังเสียงประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ แม้จะเป็นเพียงเสียงเดียวก็ตม ถ้าเป็นความถูกต้อง ชอบธรรม และ มีเหตุมีผล...

 เพราะถ้าทหารไม่ปฎิวัติ    ประชาชน ที่เป็นเจ้าของประเทศ ที่รักความเป็นธรรม จะทำการปฎิธรรม เอง....

    สาเหตุ ของความเอือมระอา น่าเบื่อ เกิดขึ้นอยู่ที่อารมณ์คนไทย ทั้งหลาย ตามที่ผลสำรวจโพล ทั้งคนไทยประสบภัยเคราะห์กรรม ทางธรรมชาติ ซึ่งระบุไม่เคยคาดคิดว่าจะรุนแรง มากมายขนาดนี้ อุบัติภัย บางอย่างไม่น่าเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ก้อเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ทำให้คนไทยที่ตามข่าว พากัน งง งวยกับเหตุประเทศไทย หลายครั้งหลายครา......

  ระบบประชาธิปไตยไทย  ไม่ใช่ ระบบคอมมิวนิสต์  ที่ ผู้มีอำนาจ ต้องฟังเสียงประชาชน ที่เป็นเจ้าของอำนาจแท้จริงของประเทศ....

  ส่วน ประเทศคอมมิวนิสต์ ได้ข่าวว่า เขาแข็งแรงเด็ดขาดมาก ไม่ค่อยปล่อยปัญหาให้ ยืดเยื้อ แก้ปัญหาโดยฉับพลัน เพราะเขาวางระบบไว้ดี ได้คนดีมีคุณธรรมแข็งแรง เข้ามาปกครองบริหารจัดการประเทศ  ถ้าลองศึกษาการสร้างและ พัฒนาประเทศจีน คอมมิวนิสต์ อดีตและ ปัจจุปัน เป็นอย่างไร  อีกไม่นาน อาจจะขึ้นครองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก แทน อเมริกา ผู้นำมหาอำนาจทางโลกประชาธิปไตย...

  เพราะผู้วิเคราะห์พุทธพยากรณ์ชาวอโศก ระบุ ระบบทุนนิยมเศรษฐกิจเสรีอเมริกา อาจจะถึงคราล่มสลาย กลายเป็นฟองสบู่มหึมา แตกไปทั่วโลก เพราะแต่ละประเทศ มีปัญหาภายใน ด้วยกันทั้งนั้น...

 แม้แต่ประเทศไทยเอง ได้มีจุดประกาย ปฎิรูปประเทศไทย ด้วยคนไทยทุกคน โดยอดีตนายกฯอานันท์  ปันยารชุน ซึ่งในช่วง ระยะปัจจุปัน อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ปฎิรูป หรือ ปฎิวัติประเทศไทย จะไปทางไหน แม้นักการเมืองเก่า ยังคงรอการเลือกตั้งใหม่ หลัง นายกฯคนปัจจุปัน ยุบสภา....

    ถ้านำความเด็ดขาดของผู้กุมอำนาจ โดยถูกต้องชอบธรรม จักต้องให้มีการพระราชทาน นายกฯพระราชทาน โดย รธน. มาตรา 7 เพราะประชาธิปไตยภาคประชาชน บางกลุ่ม ไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง โดยการไม่ยอมรับ  อันจะเกิดปัญหาความวุ่นวาย แวดวงนักการเมืองเก่าแน่นอน..ที่ต่อสู้กัน อย่างไม่ลดลาวาศอก ส่งผลเสียหายภาพพจน์ประเทศไทยโดยรวม อีกทั้งคว่ำบาตร ฉีกบัตร ประท้วงการเลือกตั้ง ที่ใช้ชีวิตด้วยความไม่ถูกต้อง ชอบธรรม ด้วย การ no  vote

  ช่วงเวลานี้ จึงเป็นสูญญากาศทางการเมือง ที่ผู้มีอำนาจแท้จริง ขบคิด ระบบการเมือง และเสาะแสวงหาคนดี ที่สังคมยอมรับ และ มีบุญบารมีพอควร มาอาสาแก้วิกฤติการเมืองดังกล่าว...อาจจะนำ ข้อดีทั้งสอง ระบบประธานาธิบดี และ คอมมิวนิสต์ มารวมกัน  กลายเป็น  ระบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ ประเทศไทย มีนายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดี พร้อมๆกัน มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นที่ศูนย์รวมจิตใจ ของชาวไทย และ สถาบัน ชาติ และ ศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทยเหมือนเดิม....


  บทความนี้ มีอิสรภาพทางความคิด  อย่าคิดเป็นการติเตียนว่ากล่าว แต่ให้คิดเป็นการสร้างสรรค์ เพื่อ ประเทศไทย คนไทย ระบบการเมืองไทย ที่ดีขึ้น....ยุติเพียงแค่นี้ก่อน