วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

สร้างคนด้วยมหาลัยปราชญ์มะม่วง แก้ปัญหาวิกฤติการเมืองถาวร

 ก่อนเริ่มเข้าเทศกาลสงกรานต์ และ ผมจะหยุดปิดอัพเดทบล็อกยาว
วันนี้มีโปรแกรมสัญจรเดินทางไปบ้านนอก ที่อำเภอเขื่องใน..

นัดเพื่อนให้รถยนต์รับ ที่บ้าน แต่ไม่มารับ ...จึงใช้เวลาอัพเดทบล็อกเพิ่มเติม ปกติใช้อินเตอร์เน็ตฟรี ที่ตึกสุนีย์ แต่ไม่รู้เป็นไร วันนี้ห้องศูนย์อินเตอร์เน็ตปิด.....เคยเดินทางด้วยจักรยานแก่นหล่อน ประจำ แต่ เกิดเอ็กซิเด็น ยางแตก! ผมยิ่งไม่ค่อยมีเงินติดตัวเลย...

  เลยเดินไปเดินมา เกิด เซ็งเป็ด... ทั้งวัน ไปใช้ฟรีอินเตอร์ปิดบริการ ให้บริการ เลย.. ต้องจ่ายเงิน อัพเดท บล็อก ที่ร้านอินเตอร์เน็ต แก้เซ็ง...ไปเบิกเงินbank เหลือน้อยลงทุกที ไม่ค่อยมีรายได้สนับสนุนเลย....

  วันนี้ อยากเริ่มด้วยเรื่องแนวคิดมะม่วง เคยเขียนเรื่อง         นายกฯมาร์ค นายกฯมะม่วงบ่มแก๊ส อดีตนายกฯสมัคร   สุนทรเวช ผู้ล่วงลับ วิจารย์  เรื่อยมากระทั่งผมได้ข่าว นายกฯมาร์ค จะสร้างคนมะม่วงรุ่นใหม่ ของพรรคประชาธิปปัตย์ ซึ่งกลัวว่าจะเป็น คนมะม่วงบ่มแก๊ส รุ่นใหม่ของพรรค  ซึ่ง เป็นเรื่องไม่ดี...

  เพราะ มะม่วงที่ได้ผลสุกตามธรรมชาติ น่าจะดีกว่ามะม่วงบ่มแก๊ส
มะม่วงยังดิบ แต่นำมาบ่มแก๊ส บริโภคก่อนกำหนด รสชาติความหอมหวานคงไม่อร่อยเท่าที่ควร....

  พอผม มานึกถึง เรื่องการสร้างคนเพื่อออกรับใช้สังคมประชาธิปไตย จึงต้อง สร้างคนให้ดี เพราะสถาบันการศึกษาสร้างคนนั้นมีหลายจุดประสงค์  หากได้คนที่ไม่สุกพร้อมแท้จริง เหมือน ผลมะม่วง นั้น มีผลมีปัญหากับสังคม.....

  จึงคิดหาแนวคิด สร้างคนด้วยมหาลัยปราชญ์มะม่วง แก้วิฤติการเมืองถาวร  ซึ่งต้อง สร้างคนอย่างมีขั้นตอน เพราะปัจุปันนี้ มหาวิทยาลัย สร้างคน
ตามหลักทุนนิยม และ สร้างคนผิดทางมาโดยตลอด ทำให้เกิดปัญหา แม้กระทั่ง ได้ยินข่าว บัณฑิตจบ ด็อกเตอร์เป็นโจร ถูกตำรวจจับทุจริต จะเห็นว่า จบการศึกษาสูง แต่คุณธรรม รักตัวกลัวบาปไม่มี จึงเกิดปัญหาตามมา และ ยังมีข่าวสนับสนุนเงินการศึกษาอีก ยิ่งทำให้สนับสนุนคนผิดทางมากขึ้น...

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

ชวนคนไทยปฎิธรรม...หยุดสงครามกิเลส

ส่วนมาก คนไทยที่บริโภค ข้อมูล ข่าวสาร ทั้งการอ่าน จากหน้าหนังสือพิมพ์ คอการเมือง มักจะได้ยิน คำว่า  ปฎิวัติ...ซึ่งส่วนมากเป็นหน้าที่ ฝ่ายทหาร แต่วันนี้ ผมอยากเชิญชวน คนไทย ปฎิธรรม...หยุดสงครามกิเลส....


  เพราะผมเอง เคยศึกษาพระธรรม ทางพระพุทธศาสนา มาก่อน เปลี่ยนจาก เชิญคนไทย ปฎิธรรม เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ด้วย มือ ของคนไทยทุกคน....ปัญหาทุกปัญหา เกิดจากกิเลส ความโลภอยาก ความโกรธ และ ความหลง....ซึ่งเป็นสาเหตุบาปกรรม อกุศลอันเป็นเครื่องเศร้าหมอง ซึ่งคนไทยเมื่อยังไม่เคยบวชพระ ปฎิบัติธรรม  อย่างต่อเนื่องก้อไม่สามารถเห็นธรรม เห็นทุกข์ เห็นภัย ที่เป็นศัตรูท่ามกลางสมรภูมิรบ สงครามกิเลส ชีวิต ของคนไทยทุกๆคน     และยากที่จะ ที่จะดับไฟสงครามกิเลส....ถ้าไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ ไม่มีในตำรา หนังสือ  อย่าไปเหมาว่า จะไม่มี...

   แต่สิ่งสำคัญ คนไทยทุกคน ต้องศึกษาทางพระพุทธศาสนา ทั้งปริยัติ  ปฎิบัติ และ ปฎิเวธ  ผมเองก็เตรียมตัวบวช ศึกษาไตรสิกขา อย่างจริงจัง  มีคนไทยไม่น้อย ที่ยังไม่เคยบวชพระ ศึกษา ปฎิยัติ ปฎิบัติ และ ปฎิเวธ อย่างจริงจัง...
 
  วัด สำนักเรียน ทางพระพุทธศาสนา มีอยู่จำนวนมาก ทั่วประเทศไทย เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา ของโลก วัดบางแห่ง ก่อนบวช เจ้าอาวาสบางวัด ให้ บวชผ้าขาวก่อน เพื่อ เตรียมกาย เตรียมใจ ถือว่าได้ เป็นการบวชกาย บวชวาจา บวชใจ เป็นพระแต่เนิ่นๆ
ปฎิบัติ กาย วาจา ใจ ด้วย ศีล5และศีล8  เจ้าอาวาสบางวัด ก็ให้บวชเลย ไม่ได้ใช้เวลาการเตรียมการมากนัก ....

   การที่ผู้ชายได้บวชพระ ถือคติว่า เป็นการเปรียบ เหมือนผลมะม่วงที่ยังดิบ   เมื่อบวชพระแล้วเปรียบเหมือนผลมะม่วงที่สุก ใช้ระยะสุกงอม ไปตามปัจจัยธรรมชาติกาลเวลา และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งการให้น้ำ พรวนดิน ให้ปุ๋ย เพื่อให้ผลมะม่วงสุกงอมแท้ดีอย่างเต็มที่.....

  ส่วนกิเลส เปรียบเหมือน แมลงศัตรูพืช อาจจะพ่นไฟ ใช้ปากเจาะ ปากแทง ชอนไช อยากกิน อยากแทะ ผลมะม่วงก่อนที่จะสุกงอม ให้ผลไหม้ หรือมีหนอน ทำลาย ทำให้ผลอาจจะร่วงหล่น ตกจากต้นไม้ ก่อนวัยอันควร...

  ส่วนผู้หญิง ก็ปฎิบัติธรรม ได้ เช่นเดียวกัน เหมือนผู้ชาย แต่ยุคนี้ พุทธศาสนาประเทสไทย  ยังไม่อนุญาติ ให้ผู้หญิง บวชภิกษุณีได้ แต่ อนุญาติเพียง บวชได้เพียง แม่ชี ปฎิบัติศีล 8 แต่ถ้าปฎิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็สามารถบรรลุอรหันตมรรค อรหันตผลได้ เพราะมีหลักฐานในพระไตรปิฎก....ซึ่ง เป็นเรื่องดี ที่ วงการเมือง ต้องการให้ผู้หญิงมีเปอร์เซนต์ที่นั่งในรัฐสภามากขึ้น...

    จึงนับว่า ถ้าวงการเมือง รัฐสภา มีผู้หญิง ผู้ชาย ปฎิบัติธรรม และ บรรลุธรรม มรรคผล กันมากขึ้น  มาทำงานหน้าที่ในรัฐสภา ก็จะทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง เจริญ ขจัดปัญหาเก่าๆให้หายไปได้  โดยเฉพาะสามารถหยุดสงคราม ไฟกิเลส บาปอกุศล ที่เป็นอุปสรรคต่อ การบรรลุธรรม เบื้องต่ำ และ เบื้องสูงๆขึ้นไปได้ ผมจึงขอความร่วมมือ คนไทยปฎิรรม หยุดสงครามกิเลส เพราะ ไฟอยากโลภ ไฟ โกรธ และ ไฟ หลง    เกิดขึ้นเกือบทุกเวลา ต้องดับไฟกิเลส ให้ได้...คนดีเข้าสภา..มากๆ

 

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

ดับไฟประเทศไทย...เปลี่ยนแปลงประเทศไทยด้วยธรรมะ


ดับไฟประเทศไทย ด้วยธรรมะ 

มัวแต่เล่นการเมืองไม่มีหลักการ     เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตนเอง
รวมทั้งเมื่อคนไทยทั้งประเทศไร้ธรรม ก็จะกลายเป็นไฟเผาไม้ทั้งประเทศ
ไร้ความสุขเย็น ที่ทุกคนปรารถนา.....

 หลักการ การเมืองประชาธิปไตย ต้องฟังเสียงประชาชนที่เป็นธรรม  แม้เป็นเพียงเสียงส่วนน้อย
ในเมื่อ ประชาชนกลุ่มหนึ่ง เรียกร้อง ให้ vote no ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง.....

   ให้นายกฯยุบสภา หรือ ลาออกให้เร็วที่สุด   ถ้าปล่อยเวลาเนิ่นนานออกไป ทำให้ไฟเผาร้อน หาทางดับไฟให้เร็วที่สุด เพราะที่อยากมีอำนาจ นั้น มาโดยไม่ชอบธรรม ไปเป็นโจร ปล้นเขามา ทำบาปเป็นไฟ

   ได้อำนาจมา ก็ได้มาด้วยอำนาจกิเลส อยากเป็น อยากดัง  อยากมีอำนาจ วาสนา เป็น กิเลสทั้งสิ้น
หยุดสร้างอำนาจที่ไม่เป็นธรรม  หยุดเล่นการเมือง เว้นวรรค ไปซัก 10-20ปี เพื่อเปปลี่ยนแปลงประเทสไทย ให้คนดีที่แท้จริง ได้ ปกครองเป็นผู้จัดการบริหารประเทศชาติบ้าน เมือง...

   การที่ปฎิวัติ    นั้น  ทหารออกมาแก้ข่าว....ไม่ใช่ทหาร ยุคนี้ องค์การเมืองภาคประชาชน  ปฎิวัติแทน

การเมืองภาคประชาชนปฎิวัติ ที่เขาด่าทหารตำรวจ เขาไม่ได้ว่า  เขาว่า กิเลสทหาร ตำรวจ ต่างหาก...

  หากพลเมืองประเทศไทย  ฝึกตน ลดละกิเลส ไม่มีความอยากโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความหลง โดยเพาะระดับผู้นำผู้ที่มีบารมี และ ประชาชน ทั้งประเทศ ฝึกกละวางตัวตนไม่มีกิเลส ได้ จักเป็นผลดี เป็นบุญบุญกุศลมหาศาลแก่ประเทศไทย....

   คนไทยทุกคนช่วยกัน   เปลี่ยนแปลงประเทศไทย นักการเมืองก็ต้องเปลี่ยน เสียสละ กันมากขึ้น ไม่หาเรื่องทะเลาะกัน แต่ยอมรับกัน  ฟังกัน  อย่างมีเหตุมีผล.....เพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ และสันติที่สุด...

ชาวเฟซบุ๊กปลุกกระแส "Vote No" ล้างบางนักการเมืองโกง-ขายชาติ

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

ทหารไม่ปฎิวัติ สู่ ชวนคนไทยปฎิธรรม เปลี่ยนแปลงประเทศไทย สู่ความถูกต้อง ชอบธรรม

ฎิวัติประเทศไทย คนไทยทุกคน ช่วยกันปฎิวัติ เมื่อพูดถึงเรื่องปฎิวัติ มักคิดว่าเป็นเรื่องของทหาร และ เป็นสิ่งน่ากลัว และ มีเหตุการณ์ทางการเมืองประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ตามมา....แต่เรื่องปฎิวัติ ไม่ใช่เรื่องของทหาร ที่ทำการปฎิวัติเสมอไป เป็นเรื่องของคนไทยทุกคน เพื่อทำให้ประเทศไทยดีขึ้นพัฒนาขึ้น...

   เพราะปัจจุปัน องค์กรประชาธิปไตยภาคประชาช นหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายเสื้อเหลือง เสื้อแดงเสื้อดำ เสื้อเขียว เป็นต้น  ส่วนประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ มีอย่างเช่น การปฎิวัติวัฒนธรรมของประชาชนจีนที่สร้างระบบการเมืองการปกครอง มีระบบแข็งแรง สู่การพัฒนาประเทศชาติอย่างมั่นคงก้าวหน้าแก้ไขปัญหาของประเทศดีขึ้นเรื่อยๆๆๆ

 แต่ทางฝ่ายนักวิชาการการเมือง ฟันธงว่า ประชาธิปไตย เป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุด มีสีสันที่สุด ก็สุดแล้วแต่อ้างกันไป แต่คิดว่ามีทั้งข้อดีข้อเสีย หรืออาจจะดีทั้งคู่และมักพบปัญหาบ่อยๆ ปัญหาเกิดที่ระบบ และระบุว่าบางครั้งสาเหตุเกิดจากคน มากกว่า เพราะตัวระบบแข็งแรง รัดกุมอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นที่คนไปใช้ ไม่ทำตามระบบ บางครั้งละเมิดกฏ กติกา ละเมิดกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และ อาญาแผ่นดิน...


  เกิดปัญหาการเมือง ซ้ำๆซากๆ น่าเบื่อ ...อย่างระบบรัฐสภาการเมืองไทย...ส่วนหนึ่งโทษว่า ไม่ได้คนดีมีคุณธรรมที่แข็งแรงพอ ..ทหารทำการปฎิวัติหลายครั้ง ปฎิรูปหลายครั้ง เรื่อยมาตั้งแต่เปลี่ยนการปกครอง พศ 2475 และ พระเจ้าแผ่นดิน รัชกาล ที่7 พระราชทานการปกครองให้ประชาชนแบบประชาธิปไตย ไม่ทรงให้อำนาจแก่ผู้หนึ่งผู้ใดคณะใด มีสิทธิ์เพียงผู้เดียว..


  โดยไม่ฟังเสียงประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ แม้จะเป็นเพียงเสียงเดียวก็ตม ถ้าเป็นความถูกต้อง ชอบธรรม และ มีเหตุมีผล...

 เพราะถ้าทหารไม่ปฎิวัติ    ประชาชน ที่เป็นเจ้าของประเทศ ที่รักความเป็นธรรม จะทำการปฎิธรรม เอง....

    สาเหตุ ของความเอือมระอา น่าเบื่อ เกิดขึ้นอยู่ที่อารมณ์คนไทย ทั้งหลาย ตามที่ผลสำรวจโพล ทั้งคนไทยประสบภัยเคราะห์กรรม ทางธรรมชาติ ซึ่งระบุไม่เคยคาดคิดว่าจะรุนแรง มากมายขนาดนี้ อุบัติภัย บางอย่างไม่น่าเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ก้อเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ทำให้คนไทยที่ตามข่าว พากัน งง งวยกับเหตุประเทศไทย หลายครั้งหลายครา......

  ระบบประชาธิปไตยไทย  ไม่ใช่ ระบบคอมมิวนิสต์  ที่ ผู้มีอำนาจ ต้องฟังเสียงประชาชน ที่เป็นเจ้าของอำนาจแท้จริงของประเทศ....

  ส่วน ประเทศคอมมิวนิสต์ ได้ข่าวว่า เขาแข็งแรงเด็ดขาดมาก ไม่ค่อยปล่อยปัญหาให้ ยืดเยื้อ แก้ปัญหาโดยฉับพลัน เพราะเขาวางระบบไว้ดี ได้คนดีมีคุณธรรมแข็งแรง เข้ามาปกครองบริหารจัดการประเทศ  ถ้าลองศึกษาการสร้างและ พัฒนาประเทศจีน คอมมิวนิสต์ อดีตและ ปัจจุปัน เป็นอย่างไร  อีกไม่นาน อาจจะขึ้นครองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก แทน อเมริกา ผู้นำมหาอำนาจทางโลกประชาธิปไตย...

  เพราะผู้วิเคราะห์พุทธพยากรณ์ชาวอโศก ระบุ ระบบทุนนิยมเศรษฐกิจเสรีอเมริกา อาจจะถึงคราล่มสลาย กลายเป็นฟองสบู่มหึมา แตกไปทั่วโลก เพราะแต่ละประเทศ มีปัญหาภายใน ด้วยกันทั้งนั้น...

 แม้แต่ประเทศไทยเอง ได้มีจุดประกาย ปฎิรูปประเทศไทย ด้วยคนไทยทุกคน โดยอดีตนายกฯอานันท์  ปันยารชุน ซึ่งในช่วง ระยะปัจจุปัน อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ปฎิรูป หรือ ปฎิวัติประเทศไทย จะไปทางไหน แม้นักการเมืองเก่า ยังคงรอการเลือกตั้งใหม่ หลัง นายกฯคนปัจจุปัน ยุบสภา....

    ถ้านำความเด็ดขาดของผู้กุมอำนาจ โดยถูกต้องชอบธรรม จักต้องให้มีการพระราชทาน นายกฯพระราชทาน โดย รธน. มาตรา 7 เพราะประชาธิปไตยภาคประชาชน บางกลุ่ม ไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง โดยการไม่ยอมรับ  อันจะเกิดปัญหาความวุ่นวาย แวดวงนักการเมืองเก่าแน่นอน..ที่ต่อสู้กัน อย่างไม่ลดลาวาศอก ส่งผลเสียหายภาพพจน์ประเทศไทยโดยรวม อีกทั้งคว่ำบาตร ฉีกบัตร ประท้วงการเลือกตั้ง ที่ใช้ชีวิตด้วยความไม่ถูกต้อง ชอบธรรม ด้วย การ no  vote

  ช่วงเวลานี้ จึงเป็นสูญญากาศทางการเมือง ที่ผู้มีอำนาจแท้จริง ขบคิด ระบบการเมือง และเสาะแสวงหาคนดี ที่สังคมยอมรับ และ มีบุญบารมีพอควร มาอาสาแก้วิกฤติการเมืองดังกล่าว...อาจจะนำ ข้อดีทั้งสอง ระบบประธานาธิบดี และ คอมมิวนิสต์ มารวมกัน  กลายเป็น  ระบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ ประเทศไทย มีนายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดี พร้อมๆกัน มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นที่ศูนย์รวมจิตใจ ของชาวไทย และ สถาบัน ชาติ และ ศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทยเหมือนเดิม....


  บทความนี้ มีอิสรภาพทางความคิด  อย่าคิดเป็นการติเตียนว่ากล่าว แต่ให้คิดเป็นการสร้างสรรค์ เพื่อ ประเทศไทย คนไทย ระบบการเมืองไทย ที่ดีขึ้น....ยุติเพียงแค่นี้ก่อน





 

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

ผม no vote พอที รัฐบาลมะม่วงบ่มแก๊ส แกล้งผมรอ30ปี

รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ที่ให้ฉายา รัฐบาลมะม่วงบ่มแก๊ส นี้ เป็น ฉายาที่ อดีตนายกฯสมัคร สุนทรเวช ผู้ล่วงลับ เป็นผู้ตั้งฉายาให้ จะฉายา รัฐบาลส้มหล่น หรือ ฉายา รัฐบาลเทพประทาน มันก้อคือกัน...




คือเอาลักษณะความจริงมาพูดมาเขียน จนกระทั่งคุณประพันธ์ แฉพฤติกรรม 30 ข้อ ที่ล้มเหลว ที่นายกฯท่านนี้ไม่เหมาะเป็นนายกฯท่านต่อไปอีกแม้ จะมีตัวเลือกท่านอื่นๆ เช่น คุณกรณ์ จาติกวนิช คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ก้คงไม่พ้นวนเวียน การบริหารงานแบบปัดๆๆๆ ยืดเวลาออกไปเนิ่นาน ไม่ยอมทำงานอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่กล้าตัดสินใจ เหมือน นายกฯหุ่นยนต์ รอแต่คนอื่นสั่งๆๆๆ ทำงาน บริหารจัดการไม่เป็น ปล่อยปัญหาไม่ตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด ทำให้ปัญหาลุกลามต่อไป ผมจึงอยากให้ท่านนายกฯที่ยังเหลือเวลา อีกไม่ถึงเดือนนี้ ทำงานแก้ไขข้อครหา และ เสียงสะท้อนจากสื่อ ให้หมดไป เพราะได้ยินว่าอุดมการณ์พรรคยาวนาน แต่ การบริการงานจัดการพรรคแย่ ผมไม่เคยว่า วิจารย์ หากกระทบกระทั่งให้ขุ่นเคือง ผมก็อภัยผมด้วย เพราะทำไปโดยไม่ได้เจตนา






เพราะทั้งนี้ ผมก้อคงเลิกเล่นและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว ทำให้คนดีเสียหายพินาศ และเป็นผลบาปกรรมกับสังคมการเมือง หากไม่ใช่คนดีเสื่อม แต่ สังคมการเมืองเล่นการเมือง นั่นแหละ จะได้รับโทษบาปกรรมที่กระทำต่อ คนดีซื่อบริสุทธิ์ เช่น โทษ 10 ข้อ คนดีพระอริยะ เพราะไม่ใช่คนดีแบบธรรมดา อ่านรายละเอียดที่ ....www.buddhadooddle.blogspot.com

ผมยินดี ที่ คนดีไม่มีเสื่อม อย่าง คนดี แบบไม้บรรทัด อย่าง รตอ ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบรูณ์ อาสาทำงานการเมืองอีกครั้ง ขอให้ ทำงาน บุคลิกภาพเยียม แบบไม่มีติ อย่าง 30ข้อเหมาะสม30 ข้อเยี่ยม ที่ คุณประพันธ์ คูณมี วิพากษ์ และต้องแสดง คนดีที่ท่านว่าอ้าง เคยทำความดีที่เป็นรูปธรรมผลงานออกมาให้สังคมได้เห็นมีอย่างไรบ้าง .....



ท่านเคยเป็น รมว.มหาดไทย ยุคฉายา มือปราบสายเดี่ยว ผมคิดว่า คนดี 30 ข้อ ครบถ้วนสมบรูณ์ นั้น คงมีน้อย และหายาก ต้องสร้าง ต้องเสาะแสวงหาคนดี ให้ครบ 30 ข้อ เป็นคนดี.....

แต่ถ้าหาก มีคนดี ไม่ถึง 30 ข้อ ตรงกันข้าม นั้น ปัญหาการเมือง ก้อคงอีหรอบเดิม ... เห็นทีต้องเชิญชวน คนไทยทั้งหลาย รักชาติ รักความถูกต้องชอบธรรม ลงมติ คว่ำบาตร การเลือกตั้ง no vote ทั้งแผ่นดิน ซึ่งผมก้อคง no vote แน่นอน เพราะ มัดมือชก ประชาชนไม่มีทางเลือก ยอมจำนน ต่อ นักการเมือง ที่ไม่ใช่คนดีที่แท้จริง เลือกตั้ง ไป ก็เลือกคนไม่ดี ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน และประเทศชาติ ไปทำงานการเมือง เป็นบาปเป็นกรรมกับประเทศชาติ และ โลก ไป เปล่าๆๆๆๆๆๆ แต่กลับกัน ถ้าทำงานอยากเป็นคนดี30 ข้อ ที่แท้จริง ประชาชน และ พวกผม ก้อยินดีสนับสนุน..




พรรคการเมืองใหม่ เพื่อการเลือกตั้งหรือเพื่อการปฏิรูปสังคมไทย? (1)

โดย ประพันธ์ คูณมี 31 มีนาคม 2554 18:51 น.







พรรคการเมืองใหม่ (New Politics Party-NPP) เป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยมีพื้นฐานมาจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย โดยจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2552 จุดเริ่มต้นของการก่อตั้งพรรคการเมืองดังกล่าว สืบเนื่องมาจากหลังการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยืนหยัดต่อสู้กับระบอบทักษิณอย่างยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นเวลา 193 วัน อันเป็นการชุมนุมต่อสู้ที่ทรหดอดทน ยากลำบาก ด้วยความกล้าหาญ เสียสละของประชาชนจำนวนเรือนแสนเรือนล้าน แม้จะถูกคุกคาม ทำร้าย และปราบปรามอย่างโหดร้ายทารุณ จนผู้ชุมนุมต้องเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อ รวมทั้งบาดเจ็บพิการเป็นจำนวนหลายสิบและหลายร้อยคน รัฐบาลทักษิณ และตัวแทนหุ่นเชิดของเขา ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง และทำลายการต่อสู้ ด้วยจิตใจกล้าหาญของประชาชนเหล่านั้นได้

จนในที่สุดทักษิณ และระบอบทักษิณ ก็ได้ถูกพลังอันเข้มแข็งกล้าหาญของกลุ่มพันธมิตรฯ โค่นล้ม และสูญสิ้นอำนาจไป พันธมิตรฯ จึงเป็นพลังแห่งศีลธรรม คุณธรรม และตัวแทนเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนที่ต้องการโค่นล้มการเมืองระบอบเก่า และต้องการสถาปนาการเมืองระบอบใหม่ เพื่อการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในทุกๆ ด้าน เพื่อนำพาประเทศก้าวไปสู่สังคมที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ นักการเมือง และผู้ที่จะอาสามาเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ ต้องเป็นผู้นำที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ความสามารถ มีความรักและซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ และประชาชน มีความเคารพและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

เมื่อระบอบทักษิณได้ถูกโค่นล้มลงไป เกิดการรวมตัวจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยกลุ่มและพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารบ้านเมืองมาได้ระยะหนึ่ง ประชาชนจำนวนมากยังเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองดังกล่าว มิใช่ทางเลือกและคำตอบสำหรับประชาชนและประเทศไทย เพราะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บริหารประเทศโดยส่อไปในทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ ของกลุ่มและพรรคการเมืองในระบอบเก่า กลุ่มทุนที่เคยร่วม และสนับสนุนรัฐบาลทักษิณมาแล้วทั้งสิ้น โอกาสและอนาคตที่จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศหนีออกจากการเมืองที่ล้มเหลว ยังไร้วี่แวว และมองไม่เห็นอนาคตว่า จะเป็นจริง

ด้วยเหตุดังกล่าว ภายหลังการชุมนุมของพันธมิตรฯ 193 วัน สิ้นสุดและภายหลังมีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประมาณ 5 เดือน คือเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 อันเป็นวันครบรอบ 1 ปีของการเริ่มการชุมนุมครั้งใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แกนนำและประชาชนจึงได้ร่วมกันจัดงานรำลึกอย่างยิ่งใหญ่ที่สนามกีฬา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ขึ้นท่ามกลางสายฝน โดยมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากล้นสนามกีฬา และในงานดังกล่าวแกนนำทั้ง 5 ได้ขอประชามติของประชาชนผู้ร่วมงาน เพื่อถามความเห็นว่า มีความสมควร และจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ขึ้นมาหรือไม่ เพื่อทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่ได้ร่วมต่อสู้กันมา


ที่สุดที่ชุมนุมของประชาชนในวันงานดังกล่าวก็ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบให้จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา ซึ่งก็คือ พรรคการเมืองใหม่ เมื่อพิจารณาจากความเป็นมาดังกล่าว พรรคการเมืองใหม่จึงเป็นผลิตผลที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ของพันธมิตรฯ โดยในการประกาศจัดตั้งพรรคครั้งนี้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า พรรคการเมืองใหม่ คือเครื่องมือทางการเมืองของพันธมิตรฯ จัดตั้งขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจตามเจตนารมณ์ของพันธมิตรฯ นั่นเอง

ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับประชาชนจึงควรต้องเป็นหนึ่งเดียว จะแยกออกจากกันไม่ได้ ประชาชนเป็นฐานสนับสนุนพรรค พรรคก็ต้องอาศัยพลังของประชาชนไปปฏิบัติภารกิจทางการเมืองให้ประสบความสำเร็จ ตามเจตจำนงของประชาชน

สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน พันธมิตรฯ ได้ร่วมกับประชาชนผู้รักชาติทุกหมู่เหล่า ชุมนุมต่อสู้ และกดดันเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยกเลิก MOU 2543 ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ผลักดันและขับไล่ทหารและคนกัมพูชาที่รุกรานและยึดครองแผ่นดินไทยออกไปปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติ แต่เมื่อรัฐบาลเพิกเฉย ไม่นำพาสนใจต่อข้อเรียกร้องและดื้อรั้นดำเนินนโยบายต่างประเทศ และกระทำทุกวิถีทางอันจะนำไปสู่การสูญเสียเอกราชและดินแดนให้แก่กัมพูชา ตลอดจนบริหารประเทศโดยล้มเหลวในทุกๆ ด้าน ซ้ำปล่อยให้รัฐมนตรีของตน และพรรคร่วมรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชันอย่างหนักหน่วงและฉาวโฉ่ เป็นที่อื้อฉาว แม้จะถูกจับได้ไล่ทันและถูกอภิปรายเปิดโปงทั้งในและนอกสภา รัฐบาลก็หาได้นำพาที่จะรับฟัง และจัดการกับผู้กระทำความผิดแต่อย่างใดไม่ หนำซ้ำยังปกปิด ปกป้อง ยกมือสนับสนุน โดยมิได้สนใจต่อความรู้สึกของประชาชน



นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สนใจแต่เพียงการยุบสภาเพื่อหนีปัญหา และชิงความได้เปรียบแก้เกมทางการเมือง หาทางรักษาอำนาจเพื่อกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงประณามสาปแช่งของประชาชน และโดยมิได้สำนึกถึงการบริการที่ล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพ สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ และก่อให้เกิดความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนแต่อย่างใด (อ่านต่อวันศุกร์หน้า)

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

ถ้าสร้างความถูกต้องชอบธรรม ไม่มีวันเบื่อ..

ประชาชนที่รักความเป็นธรรม บริโภคข้อมูล ข่าวสาร และโพลต่างๆ นับ70-80 ปี การเมือง วนเวียนแต่ปัญหาเรื่องเก่าๆๆๆ การเมืองถอยหลังเข้าคลอง น้ำเน่า ซื้อเสียง ธุรกิจการเมือง ถอนทุน ทุจริต คอรัปชั่น ทอดทิ้งละเลยแก้ปัญหาประชาชน ไม่เคยเบื่อ ปฎิวัติ แต่ เบื่อแต่นักการเมือง ไม่ทำหน้าที่นักการเมืองที่ดี
ปล่อยปัญหาเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆๆๆ เพราะถ้าไม่ปฎิวัติ ประชาชน ที่รักความเป็นธรรม นั่นและ จะปฎิวัติเอง..

ระวังจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ก่อน ยุบสภา.....



Daily News Online หน้าการเมือง บทนำ พูดเรื่องปฏิวัติไม่เบื่อหรือ

หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันหนักแน่นในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าจะยุบสภาในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ก็เป็นที่เข้าใจว่าจะมีการเลือกตั้งแน่นอนภายใน 45-60 วัน ตามรัฐธรรมนูญที่ได้ระบุไว้ ซึ่งได้มีการคาดการณ์กันว่าจะมีการกำหนดวันเลือกตั้งในอาทิตย์แรกของเดือนกรกฎาคม การประกาศวันเวลายุบสภาของนายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจนนั้น ทำให้พรรคการเมืองต่าง ๆ ทั้งพรรคเก่า และพรรคใหม่ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่มีความเคลื่อนไหวในการลงสู้ศึกเลือกตั้งเพื่อชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. และแน่นอนที่สุดก็จะมีข่าวลวงปนข่าวจริงที่ถูกปล่อยออกมาเรื่องการย้ายพรรคของ ส.ส. และจับมือขั้วการเมืองระหว่างกัน

เชื่อว่าคนไทยทุกคนต่างก็เคลื่อนไหวเช่นกันเพื่อที่จะหาผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมืองที่ตนเองชื่นชอบเลือกเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของตนเองในการเข้าไปบริหารประเทศชาติ แต่ก็แปลกที่มีบางคนบางกลุ่มออกมาพูดเรื่องว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง หรือพูดเรื่องการยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหาร โดยวิเคราะห์จากสถานการณ์การเมืองที่น่าสงสัยในบางเรื่องว่าอาจจะเป็นชนวนเหตุที่ทหารจะเข้าไปยึดอำนาจเพื่อมิให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นมา แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกได้ออกมาย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่มีการปฏิวัติ สนับสนุนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองไหนได้จัดตั้งรัฐบาลก็ต้องสนับสนุน เพราะทหารเป็นของประชาชนและประเทศชาติ

อย่างไรก็ดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พูดถึงเรื่องการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นว่า กลาโหมพร้อมที่จะสนับสนุนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เพราะนายกรัฐมนตรีได้ประกาศชัดเจนแล้ว จะไปเปลี่ยนหรือทำอะไรไม่ได้ ที่สำคัญ
กองทัพเป็นกลไกของรัฐบาล เพราะว่ารัฐบาลไหนเข้ามาก็ต้องร่วมทำงานกับรัฐบาลนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดนี้ หรือรัฐบาลหน้า เนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบายการบริหารประเทศ และกองทัพเป็นกลไกของรัฐบาลซึ่งรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ชัดเจน คำกล่าวดังกล่าวก็เป็นที่น่ายินดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ยืนยันถึงเรื่องการสนับสนุนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

แต่ก็เป็นเรื่องแปลกของการเมืองในประเทศไทยที่ยังมีการพูดเรื่อง “ปฏิวัติ” ขึ้นมาแบบซ้ำซากไม่รู้จักเบื่อ ทั้ง ๆ ที่ประชาชนฟังแล้วเบื่อหน่ายแทนผู้ที่ปล่อยข่าวแทน ซึ่งข่าวปฏิวัตินั้นถ้ารู้ทันเกมทันข่าวก็เหมือนกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองของกลุ่มผู้ที่เล่นการเมืองมากกว่า ประเทศไทยเราน่าจะก้าวพ้นที่จะมาพูดเรื่องปฏิวัติกันได้แล้ว ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจการเมืองควรจะต้องร่วมมือกันทำให้ประชาธิปไตยของไทยยั่งยืนตลอดไป ก็จะเป็นคุณต่อประเทศมากทีเดียว ณ ปัจจุบันนี้ไม่ควรที่จะได้ยินเรื่องปฏิวัติอีกต่อไป เพราะคนจะไม่ค่อยเชื่อและก็ยังสงสัยพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่พยายามปล่อยข่าวปฏิวัติว่าเป็นคำพูดที่ทำเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง หรือเพื่อประโยชน์ของกลุ่มพรรคตนเอง.

2554วิทยุชาวอโศกFMTV93.50ฟังได้ที่อุบลฯ

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554วิทยุFMTV93.50ฟังได้ที่อุบลฯ
ณ วันอาทิตย์ ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓
ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีขาล
.
.
.
ในแต่ละสัปดาห์ จะมีข่าวคราวความเคลื่อนไหว กิจกรรมต่าง ๆ
ภายในแต่ละชุมชนชาวอโศกทั่วประเทศ มาให้แฟนรายการได้รับชมกัน

..

โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องเล็ก ๆ ที่มีปณิธานที่จะทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ดังชื่อทีวีที่พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ได้ตั้งไว้ชื่อว่า "โทรทัศน์เพื่อมนุษยชาติ"
หรือภาษาอังกฤษว่า For Mankind Television (FMTV) ดู ๆ แล้ว
ก็เหมือนจะเป็นการอวดตัวอวดตน ยกตน ของชาวอโศก จนดูเกินกาล
หลายคนยังรู้สึกว่า น่าหมั่นใส้ แต่โทรทัศน์ช่องนี้ ก็มีสโลแกน
(ที่พ่อท่านฯ ตั้งให้อีกนั่นแหละ) ว่า "ทุกบรรยากาศ คือ การรายงานความจริง"
ก็เลยต้องสื่อสารสิ่งที่เป็นความเป็นจริง ความเป็นไปตามจริงของพวกเราชาวอโศก
ไปให้แต่ละชุมชนของพวกเรา ได้รับซับทราบ ในฐานะที่เป็น "ญาติธรรม"
(ญาติที่สนิท บางครั้งยิ่งกว่าญาติทางสายเลือด) ถึงสุข-ทุกข์,
ความเป็นไปของกันและกัน อีกทั้งให้คนภายนอกผู้สนใจติดตามชมวิถีชีวิต
ของชาวอโศก ได้รับรู้ ได้ศึกษาชีวิตที่เป็นไปตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง
ตามพระราชดำริของในหลวง ซึ่งก็ตรงกันกับการใช้ชีวิตตามแนวทางวิถีพุทธ
ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงเคยดำเนินผ่านมาตลอดพระชนม์ชีพ
พวกเราในฐานะพุทธสาวก ซึ่งหวังมุ่งสู่นิพพาน ก็ควรจะดำเนินชีวิตตามแนวทางนี้
จึงจะพบความสันติสุขแห่งชีวิตความเป็นมนุษย์ โดยมิช้า..

Tag: , กิจกรรมชาวอโศก, ชุมชนพอเพียง, ชีวิตเป็นสุข, เศรษฐกิจพึ่งตน, ชุมชนเข้มแข็ง, ประชามีธรรม, ประเทศมีไท, ข่าว FMTVเขียนโดย chaba2550 ที่ 2010-09-12 22:28:24 น. 10. ชื่นชีวี วิถีไทย,2. FMTV-ชาวอโศก-พุทธศาสนา,ชีวิต-สังคม 6 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบท