วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

ผม no vote พอที รัฐบาลมะม่วงบ่มแก๊ส แกล้งผมรอ30ปี

รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ที่ให้ฉายา รัฐบาลมะม่วงบ่มแก๊ส นี้ เป็น ฉายาที่ อดีตนายกฯสมัคร สุนทรเวช ผู้ล่วงลับ เป็นผู้ตั้งฉายาให้ จะฉายา รัฐบาลส้มหล่น หรือ ฉายา รัฐบาลเทพประทาน มันก้อคือกัน...




คือเอาลักษณะความจริงมาพูดมาเขียน จนกระทั่งคุณประพันธ์ แฉพฤติกรรม 30 ข้อ ที่ล้มเหลว ที่นายกฯท่านนี้ไม่เหมาะเป็นนายกฯท่านต่อไปอีกแม้ จะมีตัวเลือกท่านอื่นๆ เช่น คุณกรณ์ จาติกวนิช คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ก้คงไม่พ้นวนเวียน การบริหารงานแบบปัดๆๆๆ ยืดเวลาออกไปเนิ่นาน ไม่ยอมทำงานอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่กล้าตัดสินใจ เหมือน นายกฯหุ่นยนต์ รอแต่คนอื่นสั่งๆๆๆ ทำงาน บริหารจัดการไม่เป็น ปล่อยปัญหาไม่ตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด ทำให้ปัญหาลุกลามต่อไป ผมจึงอยากให้ท่านนายกฯที่ยังเหลือเวลา อีกไม่ถึงเดือนนี้ ทำงานแก้ไขข้อครหา และ เสียงสะท้อนจากสื่อ ให้หมดไป เพราะได้ยินว่าอุดมการณ์พรรคยาวนาน แต่ การบริการงานจัดการพรรคแย่ ผมไม่เคยว่า วิจารย์ หากกระทบกระทั่งให้ขุ่นเคือง ผมก็อภัยผมด้วย เพราะทำไปโดยไม่ได้เจตนา






เพราะทั้งนี้ ผมก้อคงเลิกเล่นและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว ทำให้คนดีเสียหายพินาศ และเป็นผลบาปกรรมกับสังคมการเมือง หากไม่ใช่คนดีเสื่อม แต่ สังคมการเมืองเล่นการเมือง นั่นแหละ จะได้รับโทษบาปกรรมที่กระทำต่อ คนดีซื่อบริสุทธิ์ เช่น โทษ 10 ข้อ คนดีพระอริยะ เพราะไม่ใช่คนดีแบบธรรมดา อ่านรายละเอียดที่ ....www.buddhadooddle.blogspot.com

ผมยินดี ที่ คนดีไม่มีเสื่อม อย่าง คนดี แบบไม้บรรทัด อย่าง รตอ ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบรูณ์ อาสาทำงานการเมืองอีกครั้ง ขอให้ ทำงาน บุคลิกภาพเยียม แบบไม่มีติ อย่าง 30ข้อเหมาะสม30 ข้อเยี่ยม ที่ คุณประพันธ์ คูณมี วิพากษ์ และต้องแสดง คนดีที่ท่านว่าอ้าง เคยทำความดีที่เป็นรูปธรรมผลงานออกมาให้สังคมได้เห็นมีอย่างไรบ้าง .....



ท่านเคยเป็น รมว.มหาดไทย ยุคฉายา มือปราบสายเดี่ยว ผมคิดว่า คนดี 30 ข้อ ครบถ้วนสมบรูณ์ นั้น คงมีน้อย และหายาก ต้องสร้าง ต้องเสาะแสวงหาคนดี ให้ครบ 30 ข้อ เป็นคนดี.....

แต่ถ้าหาก มีคนดี ไม่ถึง 30 ข้อ ตรงกันข้าม นั้น ปัญหาการเมือง ก้อคงอีหรอบเดิม ... เห็นทีต้องเชิญชวน คนไทยทั้งหลาย รักชาติ รักความถูกต้องชอบธรรม ลงมติ คว่ำบาตร การเลือกตั้ง no vote ทั้งแผ่นดิน ซึ่งผมก้อคง no vote แน่นอน เพราะ มัดมือชก ประชาชนไม่มีทางเลือก ยอมจำนน ต่อ นักการเมือง ที่ไม่ใช่คนดีที่แท้จริง เลือกตั้ง ไป ก็เลือกคนไม่ดี ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน และประเทศชาติ ไปทำงานการเมือง เป็นบาปเป็นกรรมกับประเทศชาติ และ โลก ไป เปล่าๆๆๆๆๆๆ แต่กลับกัน ถ้าทำงานอยากเป็นคนดี30 ข้อ ที่แท้จริง ประชาชน และ พวกผม ก้อยินดีสนับสนุน..




พรรคการเมืองใหม่ เพื่อการเลือกตั้งหรือเพื่อการปฏิรูปสังคมไทย? (1)

โดย ประพันธ์ คูณมี 31 มีนาคม 2554 18:51 น.







พรรคการเมืองใหม่ (New Politics Party-NPP) เป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยมีพื้นฐานมาจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย โดยจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2552 จุดเริ่มต้นของการก่อตั้งพรรคการเมืองดังกล่าว สืบเนื่องมาจากหลังการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยืนหยัดต่อสู้กับระบอบทักษิณอย่างยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นเวลา 193 วัน อันเป็นการชุมนุมต่อสู้ที่ทรหดอดทน ยากลำบาก ด้วยความกล้าหาญ เสียสละของประชาชนจำนวนเรือนแสนเรือนล้าน แม้จะถูกคุกคาม ทำร้าย และปราบปรามอย่างโหดร้ายทารุณ จนผู้ชุมนุมต้องเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อ รวมทั้งบาดเจ็บพิการเป็นจำนวนหลายสิบและหลายร้อยคน รัฐบาลทักษิณ และตัวแทนหุ่นเชิดของเขา ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง และทำลายการต่อสู้ ด้วยจิตใจกล้าหาญของประชาชนเหล่านั้นได้

จนในที่สุดทักษิณ และระบอบทักษิณ ก็ได้ถูกพลังอันเข้มแข็งกล้าหาญของกลุ่มพันธมิตรฯ โค่นล้ม และสูญสิ้นอำนาจไป พันธมิตรฯ จึงเป็นพลังแห่งศีลธรรม คุณธรรม และตัวแทนเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนที่ต้องการโค่นล้มการเมืองระบอบเก่า และต้องการสถาปนาการเมืองระบอบใหม่ เพื่อการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในทุกๆ ด้าน เพื่อนำพาประเทศก้าวไปสู่สังคมที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ นักการเมือง และผู้ที่จะอาสามาเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ ต้องเป็นผู้นำที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ความสามารถ มีความรักและซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ และประชาชน มีความเคารพและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

เมื่อระบอบทักษิณได้ถูกโค่นล้มลงไป เกิดการรวมตัวจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยกลุ่มและพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารบ้านเมืองมาได้ระยะหนึ่ง ประชาชนจำนวนมากยังเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองดังกล่าว มิใช่ทางเลือกและคำตอบสำหรับประชาชนและประเทศไทย เพราะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บริหารประเทศโดยส่อไปในทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ ของกลุ่มและพรรคการเมืองในระบอบเก่า กลุ่มทุนที่เคยร่วม และสนับสนุนรัฐบาลทักษิณมาแล้วทั้งสิ้น โอกาสและอนาคตที่จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศหนีออกจากการเมืองที่ล้มเหลว ยังไร้วี่แวว และมองไม่เห็นอนาคตว่า จะเป็นจริง

ด้วยเหตุดังกล่าว ภายหลังการชุมนุมของพันธมิตรฯ 193 วัน สิ้นสุดและภายหลังมีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประมาณ 5 เดือน คือเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 อันเป็นวันครบรอบ 1 ปีของการเริ่มการชุมนุมครั้งใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แกนนำและประชาชนจึงได้ร่วมกันจัดงานรำลึกอย่างยิ่งใหญ่ที่สนามกีฬา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ขึ้นท่ามกลางสายฝน โดยมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากล้นสนามกีฬา และในงานดังกล่าวแกนนำทั้ง 5 ได้ขอประชามติของประชาชนผู้ร่วมงาน เพื่อถามความเห็นว่า มีความสมควร และจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ขึ้นมาหรือไม่ เพื่อทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่ได้ร่วมต่อสู้กันมา


ที่สุดที่ชุมนุมของประชาชนในวันงานดังกล่าวก็ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบให้จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา ซึ่งก็คือ พรรคการเมืองใหม่ เมื่อพิจารณาจากความเป็นมาดังกล่าว พรรคการเมืองใหม่จึงเป็นผลิตผลที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ของพันธมิตรฯ โดยในการประกาศจัดตั้งพรรคครั้งนี้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า พรรคการเมืองใหม่ คือเครื่องมือทางการเมืองของพันธมิตรฯ จัดตั้งขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจตามเจตนารมณ์ของพันธมิตรฯ นั่นเอง

ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับประชาชนจึงควรต้องเป็นหนึ่งเดียว จะแยกออกจากกันไม่ได้ ประชาชนเป็นฐานสนับสนุนพรรค พรรคก็ต้องอาศัยพลังของประชาชนไปปฏิบัติภารกิจทางการเมืองให้ประสบความสำเร็จ ตามเจตจำนงของประชาชน

สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน พันธมิตรฯ ได้ร่วมกับประชาชนผู้รักชาติทุกหมู่เหล่า ชุมนุมต่อสู้ และกดดันเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยกเลิก MOU 2543 ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ผลักดันและขับไล่ทหารและคนกัมพูชาที่รุกรานและยึดครองแผ่นดินไทยออกไปปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติ แต่เมื่อรัฐบาลเพิกเฉย ไม่นำพาสนใจต่อข้อเรียกร้องและดื้อรั้นดำเนินนโยบายต่างประเทศ และกระทำทุกวิถีทางอันจะนำไปสู่การสูญเสียเอกราชและดินแดนให้แก่กัมพูชา ตลอดจนบริหารประเทศโดยล้มเหลวในทุกๆ ด้าน ซ้ำปล่อยให้รัฐมนตรีของตน และพรรคร่วมรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชันอย่างหนักหน่วงและฉาวโฉ่ เป็นที่อื้อฉาว แม้จะถูกจับได้ไล่ทันและถูกอภิปรายเปิดโปงทั้งในและนอกสภา รัฐบาลก็หาได้นำพาที่จะรับฟัง และจัดการกับผู้กระทำความผิดแต่อย่างใดไม่ หนำซ้ำยังปกปิด ปกป้อง ยกมือสนับสนุน โดยมิได้สนใจต่อความรู้สึกของประชาชน



นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สนใจแต่เพียงการยุบสภาเพื่อหนีปัญหา และชิงความได้เปรียบแก้เกมทางการเมือง หาทางรักษาอำนาจเพื่อกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงประณามสาปแช่งของประชาชน และโดยมิได้สำนึกถึงการบริการที่ล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพ สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ และก่อให้เกิดความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนแต่อย่างใด (อ่านต่อวันศุกร์หน้า)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น